ความเดิมตอนที่แล้ว พวกเราตัดสินใจเดินตามความฝัน นั่งรถไฟจากหัวลำโพง กรุงเทพ สิ้นสุดที่ปักกิ่ง ประเทศจีน
ตามเส้นทาง
พวกเราใกล้จะถึงสถานีสุดท้ายปลายทางปักกิ่งกันแล้ว!!
พวกเรากลับมายังสถานีรถไฟเดิม เพื่อรอขึ้นรถไฟไปปักกิ่ง
มาถึงจีนทั้งที่ไม่คุยเรื่องห้องน้ำไม่ได้ ตั้งแต่มาจีนยังไม่เคยเสี่ยงเข้าห้องน้ำสาธารณะมาก่อน 5555 หลักการของพวกเราจะเข้าห้องน้ำตามแมคโดนัล เคเอฟซีตลอด เพื่อสุขอนามัยที่ดี 555 คราวนี้ปวดมากจริงๆเลยเดินไปห้องน้ำแถวๆสถานี
กลิ่นจากห้องน้ำลอยเข้ามาเตะจมูกตั้งแต่ 200 เมตรที่เดินเฉียดไปใกล้ แต่เอาหน่า ลองเดินเข้าไปดู อื้อหือออ ไม่อยากบรรยายให้นึกภาพตามเลย คืออ มีอุนจิ เรียงรายกันตั้งแต่หน้าประตู โถนี่ไม่ต้องพูดถึง อารมณ์ประมาณว่า ปวดมากรีบวิ่งมาปล่อย โดยไม่ดูเล้ยย ว่ารูส้วมอยู่ตรงไหน เล็งไม่ตรงกันสักอันเลยย เราไม่ไหว แทบกระอักเอาตัวเองออกมาโดยเร็ว เลยเดินไป โรงแรมแถวนั้น ทำตัวเป็นแขกแล้วเดินเลี้ยวเข้าห้องน้ำเลย หลักการอีกอย่างคือ หาร้านอาหารที่มีห้องน้ำ ส่วนใหญ่จะโอเคมาก
เวลา 18.55 น. เวลานี้ก็มาถึง นั่งรถไฟตูดบานข้ามวัน ไปปักกิ่ง ตั๋วพร้อม คนพร้อม ใจพร้อม เราทำได้
เราขึ้นรถไฟขบวน K 22 รถไฟเหมืิอนที่เรานั่งไปกุ้ยหลิน แต่ยาวกว่า
พวกเราได้นั่งเบาะแยก สามที่ติดกัน และแยกอีก 1 ที่ มีชาวจีน 3 คนนั่งฝั่งตรงข้าม เราเจอชาวจีนหลายคนขึ้นมาพร้อมเรา มีคนขึ้นพร้อมพวกเราเพียบเลย ฝั่งตรงข้ามเป็นคุณน้าชาวจีนที่ถือเสบียงขึ้นมาเต็ม กับน้องผู้ชายชาวจีนนิสัยดี อีกฝั่งเป็นเฮียหน้าตาเป็นมิตรมากับภรรเมีย แกจะเดินไปๆมาๆระหว่างโบกี้คุยกับคนนู้นคนนี้เหมือนรู้จักกันมาก่อน(อีกแล้ว) 555 คนบนรถไฟช่วยกันยกกระเป๋าไปไว้บนที่วางกระเป๋า ทั้งๆที่ไม่รู้จักกันมาก่อน นั่งไปสักพัก คุณน้าชาวจีนก็ยื่นแอ๊ปเปิ้ลให้พวกเรากิน สักพักก็ยื่นไข่ต้มให้พวกเราอีก 555 ซึ่งก็แน่นอน เรารับหมด พวกเราไม่มีอะไรจะให้คุณน้า มีแต่มาม่าจีน
นั่งกันไปสักพัก เริ่มมืดลง ทุกคนบนรถไฟจัดแจงหาที่นอนของตัวเอง ขาพาดไปมาตามทางเดิน
รวมถึงพวกเราด้วย พยายามจัด position ให้ตัวเองสบายที่สุด แต่จะบอกว่า ไม่ว่าจะเอียงมุมไหน ท่าไหน เราก็เมื่อย 555 นอนกันหลับๆตื่นๆตลอดทาง รถไฟจอดสถานีไหนก็จะมีคนทยอยขึ้นลงตลอด แต่ที่ยังอยู่กับเราตลอดคือ น้าชาวจีน น้องผู้ชาย และ เฮีย
19/03/56
พอเช้าวันใหม่เราก็เห็นคนเริ่มโล่งเลย เดินไปชมตู้เสบียงบนรถไฟซะหน่อย
โต๊ะสบายใช้ได้ พอคลายความเมื่อยได้บ้าง
แล้วก็โดนไล่กลับเพราะเค้ามีเวลาปิดเปิดครัว
น้าสาวคนนี้เห็นเราอ่านหนังสือภาษาไทยก็เลยรู้ว่าพวกเราเป็นคนไทย ไท่กั๋ว แปลว่า เป็นคนไทย เป็นคำที่พวกเราใช้หากิน เวลามีใครถามเราว่ามาจากไหน 555 น้าเค้าก็เลยอยากลองอ่านหนังสือไทยดูบ้าง ว่าแล้วพวกเราก็จัดให้จ้ะ ท่าทางนางจะชอบแม้จะอ่านไม่ออก
เรานั่งไปสักพัก คนเริ่มทยอยขึ้นรถไฟเยอะเรื่อยๆ พวกเราเลยแบ่งที่นั่งให้สาวน้อยจีนคนนึงที่ขึ้นมาใหม่ สาวน้อยคนนี้อัธยาศัยดี คุยภาษาปะกิตกะพวกเราได้บ้่าง บอกว่าเป็นพยาบาล กำลังกลับบ้าน พอเค้ารู้ว่าพวกเราเป็นคนไทยก็มาขอถ่ายรูปใหญ่เลย เหมือนของแปลก
ทางซ้ายมือที่ใส่แว่น เป็นน้องชายชาวจีนที่ขึ้นมากับพวกเราตั้งแต่กุ้ยหลิน ริมหน้าต่างเป็นน้าสาว ตรงกลางเพิ่งขึ้นมา เลยให้เนียนมาถ่ายกับพวกเราด้วยเลย 555 สาวน้อยพยาบาลคือคนริมขวาสุด น่ารักเป็นมิตรมากๆ ก่อนลง ได้ให้ พวงกุญแจทำมือเองกับพวกเราด้วยเป็นของที่ระลึก พวกเราไม่มีอะไรจะให้เลยให้เหรียญ 10 บาทไทยกลับไป ดูเค้าปลาบปลื้มมากๆ
พอเย็นๆ ค่ำๆ เฮียอีกฝั่งแกก็กลับมานั่งที่ของแก และเริ่มชวนเราคุย พอรู้ว่า พวกเราเป็นคนไทย ทีนี้ คนทั้งรถเริ่มมองมาที่เรา มีจีนมุงอีกแล้ว 5555
ทุกคนบนรถเริ่มชะโงกหน้ามาดูพวกเราเหมือนของแปลก มีพี่จีนหน้าคล้ายๆพี่หม่ำมาเปิดไกด์บุ๊คภาษาจีนของพวกเราและพยายามชวนคุย พี่แกตลกสนุกสนาน สักพักก็เริ่มชวน บิ๊ก หนึ่งในคณะเดินทางของเรา ทำการโชว์ความเป็นลูกผู้ชายกันด้วยการงัดข้อ 555 โดยมีอาเฮียเป็นกรรมการ
คนในโบกี้เริ่มสนอกสนใจพวกเรา เข้ามามุง ชะเง้อหน้ามาดู ประหนึ่งว่าเป็นดารา 555 เข้ามาขอถ่ายรูปด้วย ก่อนลงพี่แกได้ให้ถุงเท้า(ไม่รู้ใส่ยัง) ลาย สปอนจ์ บ๊อบ กับพวกเรา 5555
อาเฮียได้ให้หินลายแปลกๆมา ส่วนน้องชายใส่แว่นให้ สร้อยคอเส้นนึง (เค้าพกของพวกนี้มาบนรถไฟด้วยเรอะ) พวกเราก็ ด้วยความไม่ได้พกของพวกนี้มาจริงๆ 55 เราเลยให้เหรียญไทย กับ น้า น้องชาย และเฮียชาวจีน ไปเป็นการขอบคุณ เราใช้เวลาอยู่บนรถไฟรวมทั้งสิ้น 29 ชมเต็ม!!! มากกว่าที่คาด 2 ชม ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าการขึ้นรถไฟที่ยาวนานนี้ทำให้เราได้มิตรภาพดีๆกลับมา แบบที่หาที่ไหนไม่ได้ และก็ไม่รู้ว่าถ้าได้ soft sleep อาจจะไม่ได้เตอพวกเค้าเหล่านี้ก็ได้
รถไฟจอดที่สถานีปลายทางสุดท้าย ปักกิ่งประมาณ 23.00 น.ของวันที่ 19-03-56 เราลงจากรถไฟ
หิมะตก!!! พวกเราเห็นหิมะตกครั้งแรกในชีวิต แต่ไม่ทันไร ความตื่นเต้นก็หายไป มีความหนาวเข้ามาแทนที่ อุณหภูมิวันนั้น ประมาณ 2 องศาเซลเซียส
พวกเรารีบไปเข้าคิวรอแท็กซี่ไป hostel
พอได้ขึ้นแท็กซี่ ด้วยสำเนียงพวกเรา ทำให้เฮียแกฟังไม่ออกว่าเราจะไปไหน เราจึงโทรไป hostel ให้ช่วยคุยกับแท็กซี่ให้หน่อย
แต่เฮียแกดู ดุดัน และ ไม่เป็นมิตรสุดๆ ขับรถฝ่าหิมะตกแบบซิ่งระเบิดระเบ้อ พาเราไปหน้าปากซอยทางเข้า hostel จนได้
เราจอง 365 inn เอาไว้ เก๋ไก๋ทีเดียว hostel นี้ ฝาผนังให้คนมาพักเขียนความในใจลงไปด้วย เป็น wallpaper เก๋ๆ
พวกเราไป check in ระหว่างจ่ายตังค์ ที่จีนแทบทุกๆ hostel มีเครื่องสแกนธนบัตรปลอม ปรากฎว่าเค้าบอกว่าเรามีแบงค์ปลอมรวมอยู่ 1 ใบจ้าา ใบ 100 หยวน เราก็เงิบ อารัยอ้ะ เราแลกเงินจาก super rich มั่นใจแน่นอน พวกเราจึงสันนิษฐานกันว่าได้มาตอนเช่าจักรยานที่กุ้ยหลินนั่นเอง ไม่เป็นไรถือว่าได้แบงค์ 100 หยวนก๊อปจีนเกรดเอไปเป็นที่ระลึก
ตามโปรแกรมเที่ยวปักกิ่ง 3 วัน 2 คืนของพวกเรา เราจะไปแน่ๆคือ กำแพงเมืองจีน พระราชวังต้องห้าม ไปหาท่านเหมา