"Well Come to my life"

ชีวิตคือทางที่เลือกได้

9/01/2556

GotoBeijingByTrain:(4) 24 hrs บนรถบัสมุ่งสู่ฮานอย!!!


ความเดิมตอนที่แล้ว จากกระทู้นี้ http://pantip.com/topic/30922651
พวกเราสี่คนตัดสินใจเดินทางตามความฝัน นั่งรถไฟจากหัวลำโพง ไปยังจุดหมายปลายทางที่ ปักกิ่ง ประเทศจีน โดยมีเส้นทางคือ
หัวลำโพง > เวียงจันทน์ > ฮานอย > หนานหนิง > กุ้ยหลิน > ปักกิ่ง
   
เป้าหมายต่อไปของเราคือ ฮานอยยนั่นเอง!! เราจะอยู่ที่ฮานอย 2 วัน 1 คืน แต่จากเวียงจันทร์ไปฮานอยเนี่ย เท่าที่หาข้อมูลมา ยังไม่มีรถไฟไปถึง มีการคมนาคมทางเดียวที่พอจะไปถึงได้คือนั่งรถบัส!! พวกเราจองรถบัสไปฮานอยที่สถานีขนส่งสายใต้ที่เวียงจันทร์ รถบัสที่จะไปฮานอยออก 19.00 น. นี่คือโฉมหน้ารถบัสที่จะพาเราไปสู่ฮานอย
พวกเราจะไปถึงฮานอยในวันพรุ่งนี้ 14|03|56 เวลาประมาณราวๆ 18.00-19.00 น ตามเวลาไทย นั่นก็หมายความว่า เราต้องนั่ง กิน และนอนบนรถบัสนี้เป็นเวลา 24 hrs!!! 
นี่คือสภาพด้านในรถบัส ออกแบบให้เป็นรถนอน มีที่ให้ซุกขาด้านหน้า เค้าจะให้ถอดรองเท้าก่อนขึ้นรถ เพราะพื้นจะเป็นเบาะนิ่มๆ ซึ่งตอนแรกไม่รู้ว่าทำไม แต่เดี๋ยวมาดูกันว่าทำไมมันต้องเป็นพื้นนิ่ม
พวกเราจัดแจงที่ทางของตัวเอง เวลาทุ่มนึงรถก็ออกจากเวียงจันทร์มุ่งสู่ฮานอย 
ต้องขอชมเลยว่าพี่คนขับ เก่งระดับ วิน ดีเซล ใน fast and furious ซะอีก เส้นทางคดเคี้ยวอย่างไร พี่แกไปได้แซงได้แบบฉลุย แต่เราก็ลุ้นทุกครั้งที่แซง พวกเราหลับๆตื่นๆ คนในรถส่วนใหญ่พูดภาษาเวียดนาม และประหนึ่งว่ารู้จักมักจี่กันมาก่อนทั้งรถ เราก็พูดไทยกันเต็มที่ ไม่มีใครฟังเราออกหรอก555 เค้าก็ดูแปลกใจที่คนไทยมานั่งรถทัวร์แบบนี้ ที่น่าประหลาดใจอีกอย่างก็คือ จะจอดรับแต่ละที่ ผู้คนที่ขึ้นมาต่างคนก็จับจองที่นอนของตัวเอง เราเห็นกองทัพคนกรูขึ้นมาและเริ่มคลานลงใต้เบาะต่างๆ รวมถึงเบาะพวกเราด้วย!!! Oh my god!!! นอนกันไปได้
นอนกันไปสักพัก ตะวันเริ่มลับขอบฟ้า เรานอนฟังเพลงอยู่ ไม่ได้ระวัง ทำแว่นร่วงลงไปในร่องเบาะนอน พยายามเอามือควานๆหาที่เบาะไม่เจอ เลยเอามือล้วงลงไปในร่อง คิดภาพตามนะ คล้ายๆเบาะรถทัวร์ที่มีร่องระหว่างเบาะกับพนักพิง ทันใดนั้น จู่ๆก็มีมือปริศนา มาคว้ามือเราหมับ!! เราร้องกรี๊ดรีบชักมือกลับ สะกิดเพื่อนทันที แว่นนี่แบบไม่เอาแล้ว นอนไม่หลับเลยทีนี้ พอรถขับไปได้สักพัก ก็ได้ยินเสียงแก๊กๆ ใต้เบาะ เราก็หันไปดู มีมือยื่นแว่นมาให้เรา เราก็ตกใจ แต่ก็รับมาและเผลอขอบคุณเป็นภาษาไทย นึกได้ก็พูด thank you ไปอีกทีนึง ตอนนี้เราก็ยังไม่เห็นหน้าบุรุษปริศนาผู้นั้นเลย

พอตกดึกๆ ก็จะมีชายฉกรรจ์หลายนายกระเหี้ยนกระหือรือ ลงไปบอกคนขับให้จอดรถเพื่อลงไปชิ้งฉ่อง และสูบบุหรี่ เสร็จแล้วก็ปีนกลับมานอน เสียงกรนแข่งกันบ้าง ถึงชายแดนน้ำพร้าวประเทศลาว ประมาณ ตีสอง แต่ด่านเปิดประมาณ 7 โมง จึงนอนรอในรถสักพัก พอเช้ามืดพวกเราก็ลุกออกมานอกรถ เพื่อแปรงฟัน ^_^ (สิ่งที่พวกเราไม่เคยลืม) น่าแปลกที่ทำไมคนอื่นๆที่นั่งไปด้วย ไม่มีใครพกแปรงสีฟันมาแปรงเหมือนเราสักคน 5555 
นี่คือชายแดนน้ำพร้าวตอนเช้าตรู่ ของวันที่ 14 มีนาคม 2556
สภาพรถทัวร์หลายคันมาจ่อคิวรอเพื่อรอด่านเปิด
วิวที่นี่สวยมากๆ อากาศดีสุดๆ ได้แปรงฟันท่ามกลางขุนเขา และธรรมชาติ
              
และวันนี้มันก็มาถึง สภาพหน้าที่ไร้เมกอัพบดบังของพวกเราได้ออกสู่สายตาสาธารณะมากๆ หน้าสดๆกันเลยทีเดียวงานนี้ ห่วงสวยไม่ได้จริงๆ คอยดูเถอะ ไปปักกิ่งเมื่อไร กะจะจัดเต็มเลยค่ะ 555
             
และแล้วด่านก็เปิด คนขับเก็บพาสปอร์ตของพวกเราไปเพื่อปั๊มเข้าประเทศ หลังจากนั้นเราก็รอเอา แต่พวกเราไม่ได้นั่งรถเข้าด่านนะจ๊ะ ต้องเดินไปค่ะ เพราะคนขับจะขับรถพร้อมสัมภาระเราบนรถข้ามไปล่วงหน้าก่อน ระยะทางที่เดินผ่านประมาณ 1 กม แต่ไม่เหนื่อยเท่าไร เพราะอากาศดี และสองข้างทางก็ค่อนข้างสวยทีเดียว อีกอย่างเราก็มีคนเดินเป็นเพื่อนพวกเราเยอะแยะเลยค่ะ 555
พอเดินไปถึง ชายแดนประเทศเวียดนามก็กลับขึ้นรถพร้อมเดินทางต่อ ทางในเวียดนามค่อนข้างชัน แคบและโค้งทีเดียว คล้ายๆขึ้นเขาเชียงใหม่บ้านเรา แต่พี่คนขับเราเก๋า มือชั้นนี้ บีบแตรตลอดทาง
   
พอถึงเวียดนามสักพักก็แวะลงกินข้าว เป็นร้้านคล้ายๆข้าวราดแกง ปนกับขายของฝากท้องถิ่น
พวกเราก็เอ๋อค่ะ สั่งยังไงหล่ะทีนี้ เดินไปด้อมๆมองๆสักพัก ก็มีเสียงพูดไทยดังขึ้น "สั่งเป็นมั้ย" เป็นเสียงของหนุ่มเวียดนามที่จู่ๆก็พูดไทยได้ ช่วยเราสั่ง (ที่เราพูดไทยกันไปบนรถเค้าก็ฟังออกกันหมดเลยสินะ! 555)  พวกเราก็เลียนแบบตามๆเค้ามา อาหารมื้อแรกที่เวียดนามได้หน้าตามาเป็นแบบนี้
ข้าวจานนึงกินได้ประมาณ 4 คน แต่พวกเราสั่งคนละจาน 555 ตกจานละประมาณ 160 บาท รสชาติแบบว่า อธิบายไม่ถูกจริงๆ เปรี้ยวๆ ปนจืดๆ กินเพื่ออยู่อีกแล้วค่ะ 555 
ออกเดินทางต่อ พอเข้าประเทศเวียดนาม บรรยากาศสองข้างทางก็เปลี่ยนไป ป้ายเริ่มเป็นภาษาที่เราอ่านไม่ออก มีสาวๆแต่งชุดประจำชาติปั่นจักรยานใส่หมวกเหมือนในหนัง ปั่นกันมาเป็นแก๊ง คล้ายๆแก๊งแฟนฉัน
เรามาถึงฮานอยในตอนค่ำๆ สิ่งที่พวกเรากังวลคือ พอลงจากรถมันก็ค่ำแล้วต้องหาแท็กซี่เพื่อที่จะรีบไปซื้อตั๋วรถไฟไป หนานหนิง ประเทศจีน แล้วต้องไป check in ที่โรงแรมที่จองไว้ ซึ่งตามที่รีวิวมาแท็กซี่ที่ฮานอยราคาค่อนข้างโหดทีเดียว เราก็เริ่มเล็งๆหาคนที่น่าจะช่วยพวกเราได้บนรถ นั่นคือ อาม่า ซึ่งเป็นคนแก่คนเดียวบนรถ 55 ท่าทางใจดี อาม่าบอกว่า เดี๋ยวช่วยเรียกแท็กซี่ให้ แกบอกแท็กซี่ว่าพวกเรามากะแก 
ขอบคุณอาม่ามา ณ ที่นี้ด้วยค่า
เราก็ได้แท็กซี่ไปสถานีรถไฟ Ga Hanoi ตามที่รีวิวไว้ 
พอเรามาถึงเราก็มาจองตั๋วรถไฟไปหนานหนิงกัน เป็นวัน























ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น